พยาธิเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์ มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีวงจรชีวิตและอาการแสดงที่แตกต่างกันออกไป พยาธิบางชนิดสามารถอาศัยอยู่ในร่างกายได้นานหลายปีโดยไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ แต่บางชนิดอาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติและส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
ในบทความนี้ จะกล่าวถึงสัญญานพยาธิในท้อง นั่นคือ อาการผิดปกติที่เกิดจากการมีพยาธิในท้อง อาการเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามชนิดของพยาธิ ตำแหน่งที่พยาธิอาศัยอยู่ และความรุนแรงของการติดเชื้อ
อาการผิดปกติที่พบบ่อย
อาการผิดปกติที่พบบ่อยจากการมีพยาธิในท้อง ได้แก่
- ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ท้องเสีย อุจจาระมีมูกเลือดปน
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลด
- อ่อนเพลีย
- นอนไม่หลับ
- คันบริเวณทวารหนัก
- ท้องผูก
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- ดีซ่าน
- ตาเหลือง
- ลมพิษ
- ผื่นคัน
- ชัก
- หมดสติ
ชนิดของพยาธิที่พบบ่อย
พยาธิที่พบบ่อยในท้องมนุษย์ ได้แก่
- พยาธิตัวกลม (Roundworm) พยาธิชนิดนี้พบได้บ่อยในเด็ก ลักษณะเป็นพยาธิตัวกลมยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก อาการที่พบ ได้แก่ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย น้ำหนักลด อ่อนเพลีย
- พยาธิเส้นด้าย (Threadworm) พยาธิชนิดนี้พบได้บ่อยในเด็ก ลักษณะเป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็กยาวประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ อาการที่พบ ได้แก่ คันบริเวณทวารหนัก นอนไม่หลับ หงุดหงิด
- พยาธิปากขอ (Hookworm) พยาธิชนิดนี้พบได้บ่อยในคนที่มีสุขอนามัยไม่ดี ลักษณะเป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็กยาวประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก อาการที่พบ ได้แก่ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย โลหิตจาง
- พยาธิตัวจี๊ด (Tapeworm) พยาธิชนิดนี้พบได้บ่อยในคนที่กินเนื้อสัตว์ดิบหรือสุกๆ ดิบๆ ลักษณะเป็นพยาธิตัวยาวคล้ายริบบิ้น อาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก อาการที่พบ ได้แก่ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ดีซ่าน ตาเหลือง
- พยาธิใบไม้ (Fluke) พยาธิชนิดนี้พบได้บ่อยในคนที่กินปลาหรือหอยดิบหรือสุกๆ ดิบๆ ลักษณะเป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็ก อาศัยอยู่ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น ตับ ไต สมอง อาการที่พบ ได้แก่ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย ดีซ่าน ตาเหลือง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ชัก หมดสติ
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีพยาธิในท้องหรือไม่ แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิหรือตัวพยาธิ หากพบไข่พยาธิหรือตัวพยาธิในอุจจาระ แสดงว่าผู้ป่วยมีพยาธิในท้อง
การรักษา
การรักษาโรคพยาธิในท้อง แพทย์จะจ่ายยาถ่ายพยาธิให้ผู้ป่วย ยาถ่ายพยาธิมีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิ ผู้ป่วยควรรับประทานยาถ่ายพยาธิตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษาได้ผลดี
การป้องกัน
การป้องกันโรคพยาธิในท้องสามารถทำได้ดังนี้
- ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารและหลังการขับถ่าย
- ปรุงอาหารให้สุกก่อนรับประทาน
- ไม่กินเนื้อสัตว์ดิบหรือสุกๆ ดิบๆ
- ไม่กินปลาหรือหอยดิบหรือสุกๆ ดิบๆ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอุจจาระของคนหรือสัตว์
ข้อควรระวัง
ผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติจากการมีพยาธิในท้อง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
Leave a Reply